วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

My journy on Cook

 The life of food.This journy is one of best journy in my life where i can make food for my coustmer.Food for their daily life.This journy is very new for me .I have just few expriences of making food for me when i was liveing as shopkeper but now i make food for many of people in day life.Sometime have to see many commets both good and bad but in average its good. About business its hard to make some many but you can make some many.

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2564

HUMAND KINDS

HUMAND KINDS

        Is am I a Human beings. I'm shy on me to say” i am Human. I better to say " I am worst animal on planet Earth. My desire need everything from deep sea to vast space that's not enough to me. I create nonsense word call “God” to make difference on human as become human to kill other human to make more profit and make slavery on them. That's even not enough to me. I need body organ of human living being itself to fulfill my body parts. I play with feeling in name of love and self defence.

        I'm human the cleverest animal on planet earth to rule the entrails world and universe to make fool other human who think they are Genius. I say " I’m peace maker to sell my arteries weapon to keep world peace and full of love but even fool human believe me. I never say" I am “God” but my life style is better than God and his imagination.

         So I'm thinking" Am i just God or more then God" because everything is control by me. Air, water, soil, fire and even the feeling of other living beings. Can you define me. Who am I ?  Just human, Just Homosapien or Just God ? 




วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Review : รีวิวหนังสือ : อีลอน มัสก์ (ELON MUSK)



Review รีวิวหนังสือ : อีลอน มัสก์ (ELON MUSK)

                 Rocket Man, Iron Man  หรือ The Elon Reeve Musk (อีลอน รีฟ มัสก์) เป็นคนหนึ่งผู้มีอิทธิผลต่อคนปัจจุบันมากที่สุดในโลกและเป็นคนที่มีผลงานที่สุดๆ เกินจะบรรยายในโลกแห่งสมัยใหม่ เขายังเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับสิบของโลกอีกด้วย เป็นแบบอย่างให้หลายๆคนในตอนนี้  จากเด็กไรเดียสาตัวเล็กๆจากกรุงพริทอเรีย เมืองทรานส์วาล แอฟริกาใต้ เป็นบุตรชายชองเมย์กับเออร์รอล มัสก์ เขาเป็นเด็กอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ตั้งแต่เด็กชอบอ่านหนังสือ แบบที่เรียกกันว่าหนอนหนังสือเลยที่เดียว เป็นอาจจะมาจากพ่อของเขา ต่อมาเขาก็ยายมาเรียนหนังสือที่อเมริกา เพราะเห็นอเมริกาเป็นมหาอำนาจแห่งยุค IT และ นววัตนกรรมต่างๆในคุยนี้ อย่างไรก็ตาม เขาจบปริญญาสองใบสาขาธุรกิจและฟิสิกส์จากมหาลัยยูเพน วอร์ตัน เป็นเด็กเรียนว่างันเถอะ
                   เส้นทางอาชีพ ตั้งแต่เด็กเขาติดคอม ตั้งแต่เด็ก เขียนโปรแกรม Zip2 เป็นครั้งแรกและขายในราคา $500 ต่อมาทำบริษัท X.com บริษัทที่ทำการจ่างเงินออนไลน์ในยุคนั้นและดังมาก ทุนวันนี้ก็ดังอยู่ นั้นคือการจ่ายเงินทาง PayPal บริษัทนี้ขายให้ ebay ในราคา500$ ทำให้เขามีเงินในการลงทุนในด้านใหม่ๆ ในด้านที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด เขาก็เลยร่วมสร้างบริษัทเทสลา เป็นการผลิตรถสปอร์ตโดยใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน เป็นประวัตติศาสตร์ในตอนนั้น  จุดนี้เป็นจุดเปลี่ยนโลกแห่งน้ำมัน ที่สร้างปัญหาให้กับโลกกับโลกแห่งไฟฟ้า พลังงานสะอาด แม้ว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่ๆก็ไม่มีความกล้าจะที่จะผลิดรถแบบนี้มาก่อน ก็เลยคนสนใจเป็นพิเศษ รถยนต์สปอร์ตรุ่นโมเดสเอสที่โดงดัง แทมการขับแบบอัตโนมัติ หรือไร้คนขับ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ทำงานในบริษัท SpaceX สเปซเอ็กซ์ เป็นหัวหน้าวิศวากร และ CEO ผู้ก่อตั้งอีกด้วยกัน สเปซเอ็กซ์เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างที่อยู่ใหม่ให้กับมนุษย์ บนความเชื่อว่า กลัวที่มนุษย์จะสูญพันธ์ จากเหตุธรรมชาติหรือมือมนุษย์ 
                    ตอนนี้ เราอยู่ในยุคเทคโนโลยีที่สามารถส่งคนไปดวงจันทร์ได้ แต่หลายสิบปีมานี้ไม่มีใครไปดวงจันทร์อีกเลย The Elon Musk (อีลอน มัสก์) ก็เลยสร้างบริษัทสเปซเอ็กซ์ บริษัทนี้ต่อมาโดนดังมากเรื่องการบินอวกาศที่ส่งข้องในอวกาศในราคาถูกๆ และยังการนำจรวดมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน คือปกติแต่ก่อนหน้านั้น ปล่อยจรวดแล้วตกในทะเลบาง ไฟไหม้บาง ใช้กันรอบเดียวประมาณนั้น แต่สเปซเอ็กซ์เป็นบริษัทที่นำจรวดกลับมาใช้ได้อีก ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายการส่งจรวดมีราคาลดลงอย่างมาก ทำให้บริษัทมีกำไรและชื่อเสียงมากขึ้น เวลาต่อมาการลงจอดในแนวดิ่งเป็นครั้งแรกของโลก ที่คนดูการมากที่สุดในปีนั้น ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน คือนาซ่าก็ยังไม่เคยทำสำเร็จมาก่อน 
                  นอกจากนนั้น เขาอย่างสร้าง Hyperloop เฮปอร์ลูป เป็นการเดินทางในท่อ ที่สูบอากาศออกจนใกล้สภาพสุญญากาศ ซึ่งวิ่งด้วยความเร็วเครื่องบินสองเท่า เขายังทำ กิกาแฟคทรี่ แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดและดีที่สุดเพื่อพลังงานสะอาด อีกงานที่เขาสนใจมากที่สุด คือ โซลาร์ซิตี้ โลกแห่งพลังงานสะอาดและฟรีจากดวงอาทิตย์ เขายังมีการช่วยเพิ่มความสามารถให้มนุษย์ในการแข่งขันกับ AI ได้ด้วย Neural Lace และการสร้างหุ่นยันต์ Tesla Bot เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับชีวิตมนุษย์อีกด้วย
              ผลงานทั้งหมดนี้ไม่เคยมีคนทำมาก่อน เพราะหลายคนคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำแล้วได้ประสบความสำเร็จยากมากๆ แม้บริษัทใหญ่ๆหรือประเทศมหาอำนาจก็ทำไม่เคยได้เลย ทั้งที่รู้ว่ามันยากที่จะประสบความสำเร็จ แต่เขาก็ทำ เพื่ออนาคนที่สดใส่ ส่งผลให้ บริษัทเขาก็ประสบความล้มเหลว เงินหมดตัว มันเท่ากับการไปพยายามหายใจในน้ำ บางคนถึงว่า เขาเป็นคนบ้า ที่ก่อสร้างบริษัทจรวด เพื่อทดลองเล่นๆ ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาแห่งความล้มเหลว ถึงกับต้องไปยีมเงินเพื่อจ่ายค่าเช้าบ้าน ปัญหาครอบครัว การทดลองจรวดส่งไปอวกาศที่ลมเหลวถึง3ครั้ง ถ้าครั้งที่๔ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ จบกันทั้งที่ อะไรจะเสี่ยงขนาดนั้น และ เป็นการย่อมรับความเสี่ยงเต็มรูปแบบจากทุกๆด้าน แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้  เพราะความทะเยอทะยานที่ไม่รู้สึกว่ามันผิดหรือถูกและความสุดโต่งของมัสก์ทำให้เขาประสบความสำเร็จ
                หวังว่าชีวประวัติและผลงานของเขาทำให้เกิดแรงสัทธา เพื่อสู้ชีวิตวันข้างหน้า และ ย่อมรับทุกปัญหาและเรียนรู้จากนั้น เพื่อพัฒนาต่อไป และการตอบแทนให้มวลมนุษย์ เพื่อสร้างโลกที่สวยงานต่อไป
                                                    ขอบคุณอย่างสูง



วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2564

สายตา ๕ เมตร P.3

 สายตา ๕ เมตร

 กลับที่ที่บ้านในเหมืองหลวง ครอบครัวดูเหมือนจะไม่เคยสนใจเขาเลย ใช้ชีวิตคนเดียวมาหลายปี ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ก็เลยไม่รู้จะพูดอะไร คุยอะไร ดูเหมือน ครอบครัว ห่างกันสักพักแล้ว และไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรกัน แบบนี้อยู่นานหลายวัน อยู่บ้านชักจะเบื่อๆเซ็งๆ และไม่รู้จะพูดเรื่องส่วนตัวกับใคร?  ไม่มีงานให้ทำ จนออกไปเที่ยวเป็นประจำ บางทีก็ไม่กลับบ้านเป็นสัปดาห์ๆ เที่ยวเมานอน ตามโรงแรม ต่างเมือง ไม่รู้เพราะอะไรไม่อยากกลับบ้าน จนวันหนึ่ง พ่อแม่ไม่สบายใจพฤติกรรมของปาสา พ่อแม่ก็คิดไปว่าโตแล้วแก้ปัญหาตัวเองได้?ไม่จำเป็นต้องสนใจมากนักกับลูกชายที่เอาแต่ใจ ปาสาก็หมดกำลังใจจากครอบครัว คิดกับตนเองว่า เราโตแล้วต้องดูแลตนเองได้ แต่ภายในใจลึกๆแล้วอยากได้กำลังใจจากครอบครัว เพื่อใช้ชีวิตอันทรโหดแห่งหิมาลัยที่หนาวไปตลอดทั้งปีกับหิมาขาวที่ปกคลุมไปสิ้นสายตา  ตอนนี้กำลังใจจากครอบครัวก็ไม่มี จึงตามหากำลังใจจากความรัก 

                         หวังว่ากำลังใจจากความรักนั้นช่วยให้ เราพ้นจากความหนาว ความสูง  ความไม่แน่นอนทางธุรกิจ และความกดดันทางสังคม ความดิ้นรนทางธุรกิจ จึงทำให้หากำลังใจอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ปาสาชอบฟังคำสั่งสอนของนักปราชญ์จากศาสนาต่างๆ และ นักธุรกิจ เพื่อประสบความสำเร็จทางธุรกิจและครอบครัว แต่ส่วนใหญ่เชื่อตามหลักทางพระพุทธศาสนา ตามที่ครอบครัวนับถือกันมานาน จึงชอบคำสุภาษิตหนึ่ง “ตนแลเป็นที่พึ่งตน”  ใช้ชีวิตแบบนี้มาหลายปี บนพื้นฐานแห่งทฤษฎีนี้ แต่หลังจากหลงรักสุนตลีแล้ว  ทฤษฎีนี้ก็ลืมไปซะแล้ว 

                        ปาสานั้นคิดอีก แค่เรื่องความอยากมีแฟนหรือป่าว  เพื่อเข้าใจ ดูแล ตนเองหรือเปล่า?  หรือ ขาดความรักความเอาใจใส่จากครอบครัวหรือเปล่า? มีแค่สองข้อนี้ ทำให้ปาสาหลงรักเธอหรือเปล่า คิดอยู่สักพัก มีคนเข้ามาในร้านและเริ่มพูด “เติมเงินในโทรศัพท์ให้หน่อย” ปาสาก็ ถามว่าเอาเท่าไรพี่  ลูกค้าก็พูดไป “เติมให้ห้าร้อยละกัน ปาสาก็เริ่มกดเบอร์โทรศัพท์ ตอนนั้นมือสั่น พูดจาขัดๆ เหมือนไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน แต่งานต้องมาก่อน  ปาสาก็ดูเบอร์หลายรอบเพื่อไม่ให้เกิดผิดพลาด จนเติมเงินเสร็จ ลูกค้าก็จ่ายเงิน ห้าร้อยรูปี และเดินออกไป ปาสาจับเงินห้าร้อยแลเดินไปปิดประตู้ร้านอีกครั้ง และเดินมานั่งเก้าอี้ที่เดิม คิดอีกครั้งว่า ผมหลงรักสุนตลีนั้น เพราะเงินตราหรือเปล่า?  จึงนึกได้ สามสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ผู้ชาย คนที่ติดร้านเดียวกับสุนตลี ได้คุยกับเจ้าของร้านที่ติดร้านกับเขา เขาบอกว่าจะไม่ให้ปาสาขายเสือผ้าแบบเดียวกับเขา เรื่องนี้ทำให้ ปาสาเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจ ปาสาไม่ชอบเลย แต่ไม่พูดอะไรตรงๆ แต่คิดในใจว่า จะพยายามรวบร้าน ของเขาให้ร่วมร้านกับร้านของปาสาให้ได้ ถ้าจะทำแบบนั้นได้ ก็ต้องมีเงินจำนวนมากเพื่อซื้อร้านของเขา ไม่อย่างนั้น ต้องกดดันเขาโดยร่วมกับเพื่อนๆรอบตัว ซึ่งเขาก็ทำแบบนั้น กับปาสาหลายๆครั้งมาแล้ว ผมก็กดดันแบบนี้กับเขา ช่วงที่ผมได้โอกาส มันเป็นธุรกิจที่ต่างคนต่างพยายามเพื่อเอาชนะคู่แข่งของตนให้ได้ทุกทาง มันก็อาจจะมีส่วนในการหลงรักผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?

               ถ้าได้สุนตลีมาเป็นแฟน มันจะง่ายต่อการแข่งขันกับเขาได้อย่างสบายๆ เพราะร้านของเขาติดกับร้านของสุนตลีพอดี ปาสาจึงสรุปได้เป็นข้อๆว่า รักสุนตลีนั้นเพราะอยากมีใครสักคนหนึ่งที่เข้าใจ ดูแล และเอาใจใส่ต่อเขา ขาดกำลังใจจากครอบครัว จึงหาที่พึ่งทางใจกับคนที่รัก คือจำมาจากเพื่อนที่ชื่อสุแน่นา และข้อสุดท้ายหาพันธมิตรทางการธุรกิจ เพื่อเอาชนะคู่แข่งของตน สองข้อนี้ ถ้าทำได้ ก็ได้แฟนเป็นสุนตลี

           โอ้ พระเจ้านี้ ผมทำอะไรลงไป ความคิดที่เลวสิ้นดี ช่าง อับอายที่ศึกษาเล่าเรียนมา ใจของปาสาแอบๆพยายามเพื่อหาความสุขทางกามอารมณ์ เงินตรา และหาที่พึ่งพอใจทางใจ ซึ่งปาสานั้นก็ไม่เคยนึกคิดเลยว่า “ใจจะแอบเล่นงานขนาดนี้  ตอนนี้ ปาสารู้แล้ว ทำไมต้องรักตอนนี้ ทำไมต้องเธอด้วย และ ทำไมต้องเวลานี้ ปาสาเริ่มเห็นความหายนาทางใจ ที่ทำให้เกิดบาปทางใจ ทำให้ตนเองเดือดร้อน ความปกติทางใจก็หายไป ทำให้เจอกับความทุกข์ทรมานอยู่ไม่เป็นสุข เห็นทางการไม่สำรวม กาย วาจา ใจ ที่ทำให้ปาสาหลงรัก หลงโกรธ และหลงการถือตัวตน ตามที่ท่านพระพุทธเจ้าพูดไว้ ตอนนี้ ปาสาก็มีสติกลับมาแล้ว เห็นความสุขก่อนรัก ตอนนี้เปรียบเทียบดูความคิดตนเอง และสร้างกำลังใจในการลมหายใจของตนเอง ตั้งสติลงในร่างกายตนเอง และใช้ชีวิตราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี้คือสภาพแห่งปัจจุบัน แม้ภาพลวงรักของสุนตลีเกิดขึ้นในใจอยู่บาง แต่อีกใจก็มีกำลังใจมากพอที่จะทับมัน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป ฯ  

 

......ผู้ว่างเปล่า

🙏🙏🙏💛💛💛🙏🙏🙏🙏


สายตา ๕ เมตร P.2

 สายตา ๕ เมตร

           ตื่นเช้ามาก็เห็นความหายนารอบๆตัว ที่มาจากการเมา เมื่อวันที่ขาดสติและตังค์ก็หมดไปกับการเมา ปาสาก็มาเปิดร้านตามปกติ ทำงานปกติ ตามเคยชิน และแล้ว สุนตลีก็มาที่ร้าน เพื่อเติมเงินในโทรศัพท์ พอดีเงินในบัญชีของปาสาหมดพอดี ปาสาก็บอกให้เขียนเบอร์โทรศัพท์ลงในกระดาษไว้ จะเติมให้ทีหลัง สุนตลีก็เขียนลงในกระดาษไว้และบอกให้ลบด้วยอย่างรีบๆและเดินออกไป หลังจากได้เบอร์แล้ว ปาสาก็ คิดจะเขียนข้อความส่งไปหาสุนตลีดีไหม? เขียนอะไรดี คิดต่างๆ นานา ฟุ้งซ่านไปทั้งวัน จนปวดหัวจากการเมาเมื่อวาน  แทมหัวใจหนักเหมือนเอาภูเขาเอวเร็สต์มาทับไว้ที่หน้าอก ปาสาก็กำลังหาจังหวะเหมาะๆที่จะบอกความรู้สึกนั้นต่อหน้าหล่อนให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะปวดหัวใจจะตายอยู่แล้ว และแล้ววันเวลาจะจบอยู่แล้ว ปาสาก็เริ่มตกใจ ถ้าไม่บอกวันนี้ เขาจะนอนอย่างไร ในความมืด ปาสาเห็นสุนตลีนั้น กำลังปิดร้าน  ซึ่งห่างจากสายตาแค่ห้าเมตร มองแล้วมองอีก มันห่างกันแค่ห้าเมตร แต่ใจรู้สึกเหมือน เธออยู่ในอีกฟากหนึ่งของจักรวาฬ ตอนนี้ต้องบอกเธอแล้วละ ไม่อย่างนั้น  คงทรมานแบบนี้เรื่อยๆแน่ อยากให้ความรู้สึกแบบนี้สิ้นไป ไม่อยากอยู่กับความรู้สึกแบบนี้อีกต่อไปแล้ว

           ปาสารวบร่วมกำลังใจและเดินไปที่ร้านเธอเพื่อจะบอกความรู้สึกที่มีต่อสุนตลี หวังสุนตลีเห็นอกเห็นใจต่อเขา สุนตลีกำลังยุ่งๆอยู่ เพื่อที่จะปิดร้าน ปาสาก็เริ่มพูดออกไป  ผมอยากได้ยาปวดหัว เธอหัวเราะ เธอตอบว่ายาอะไรนะ  ยาปวดหัว เธอก็เริ่มหัวเราะ ดิฉันไม่มียาปวดหัวหรอกนะค่ะ ดิฉันมีแต่ ยาแก้ปวดหัว สุนตลีพูดและให้ยาแก้ปวดหัว ปาสาก็ถามเงินเท่าไร สุนตลีก็พูดว่าไม่เป็นไร ปาสาก็เดินออกไปและมาที่ร้านตนเอง ปาสาพูดในความรู้สึกไม่ได้เลย ไม่รู้ทำไม พูดสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกนั้นเลย แบบนี้เรียกว่าความรักหรือเปล่า สักพักเธอก็ วิ่งมาที่ร้านแล้วพูดว่า “พี่ปวดหัวไม่ใช่หรอ กินยาและนอนจะดีไหม” เธอกำลังเดินออกจากร้าน ในวินาที่นั้น ปาสาพูดออกไป ผมมีเรื่องจะบอกกับคุณ เธอก็เดินออกไปโดยไม่ได้ยินเสียง อันเบาบางของชายผู้น่าสงสาร ตอนนั้นปาสารู้สึกฟ้าไม่เป็นใจให้ผมเลย ช่างเวทนาที่เกิดมาเป็นคนไม่มีคนรักเลย ปาสาเริ่มเขียนข้อความส่งไปหาสุนตลี “ผมมีเรืองจะบอก”? 

ข้อความเข้ามาในโทรศัพท์สุนตลี

สุนตลีก็ ส่งข้อความมา    “มีอะไร”?

ปาสา - “คุณคิดอย่างไรกับผม”?

สุนตลี- “ไม่เข้าใจ พูดอะไร”?

ปาสา- “ผมชอบคุณ 

สุนตลี- ห“ไม่เป็นไร”

           จากนั้น ไม่มีข้อความใดๆเลย ดูเหมือนเธอไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นกับปาสาเลย   ตอนนี้ปาสา อยู่ในร้านคนเดียว โดยปิดประตู้ร้าน ไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนเขาในตอนนี้  อัดอันความโศกเศร้าที่คนรักที่สุดไม่สนใจเขา ข้างนอกฝนตกอย่างหนัก ราวกับว่า ฝนฟ้าล้อเล่นปาสาอยู่ ความหมั่นไส้ ที่ไปรักคนที่ไม่ใยดี ทั้งๆที่เขารักสุนตลีทั้งหมดหัวใจ ภายในร้านปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด เหมือนบนยอดหิมาลัยที่ไม่มีเสียงแม้แต่ลมในช่วงฤดูอันเหน็บหนาว

        ความเจ็บปวดที่ทนมานานและตอนนี้สุนตลีได้ปฏิเสธความรักของปาสา มันแสนเจ็บปวดเหลือเกิน เหมือนดังเหล็กไฟร้อนที่แทงหัวใจตนเอง ปาสาเริ่มหาสาเหตุว่าทำไมต้องรักสุนตลีด้วย?  เรื่องอะไรต้องบอกรักนาง?  ปาสาก็เริ่มคิดในใจ ทำไมต้องรักตอนนี้ ทำไมต้องเธอด้วย ทำไมต้องเวลานี้ คิดอยู่สามคำถามนี้ เป็นหลายชั่วโมง คิดแล้วคิดอีก ทำไม ทำไม ต้องรักด้วย จนในที่สุดก็คิดออก 

         เรื่องมีอยู่ว่า ปาสาอยู่บนยอดเขาในหมู่บ้านเล็กๆ ในทิศใต้ของหิมาลัยมานาน อันสูงตระการตาน้อยคนนักที่ไปถึง  ทุกๆฤดูกาลปาสาต้องขึ้นไปเปิดร้าน ทำการขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว และหลังฤดูกาลจบ ต้องลงจากที่นั้น เพื่อสั่งซื้อของที่จะเอาไปขายที่นั้น  หลังฤดูกาล ก่อนหน้านั้น ปาสาลงมาที่เมืองหลวง และเที่ยวกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานมากตามภาษาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ตอนนั้นปาสาเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อสุแน่นา เธออ้วนมาก ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่แต่เธอพูดจาหวาน ปาสาติดใจสุแน่นาอย่างมากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปาสาและสุแน่นารู้จักกันได้ไม่นานตอนไปดื่มเหล้า อยู่ที่ร้านเหล้าด้วยกัน พวกเขาเข้ากันได้ดี เป็นเพื่อนกันอย่างสนุกสนาน เมากันและเที่ยวกันเป็นหลายๆครั้ง 

                      ตอนนั้น ปาสาคิดไปว่าอยากมีแฟนแบบที่เข้าใจตน แบบที่สุแน่นาเป็น ปาสาผู้น่าสงสารโสดมาหลายปีแล้ว ไม่เคยคิดจะอยากมีแฟนอยากมีใครสักคน ที่เอาใจดูแลแบบที่สามีภรรยาเป็นกัน ใช้ชีวิตคนเดียว แบบฤษีที่อยู่บนเขาทำกัน สนใจแต่เรื่องทางธรรมะธัมโม บางครั้งก็ไปนั่งอยู่ตามแม่น้ำ ตามป่า ตามเขา ดูนก ดูกวาง และสนุกกับมัน คิดว่าตัวตนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ อยู่ดีๆ ทำไมต้องรักผู้หญิงด้วยเรื่องอะไรต้องรักผู้หญิงด้วย ไม่เข้าใจ? 

       ปาสาเริ่มนึกได้ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ไปเที่ยวเมืองหลวงครั้งนั้น ตอนที่เจอ สุแน่นาเป็นครั้งแรก ทำให้ความคิดมันเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปในทางทิศเดียวกับสตรีเพศ  ทำให้มีความคิดอยากมีแฟนที่เข้าใจและดูแลตนเอง มันเป็นสิ่งที่ขาดไปจากชีวิตของปาสามานานแสนนาน จึงใจแอบไปหาความรักโดยที่ปาสาเองก็ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ตอนที่ ๒.                                   💦💦💦💦💦💦💦😈💦💦💦💦💦💦

สายตา ๕ เมตร P.1

 

สายตา ๕ เมตร
                สภาพรู้ อาการรู้ รู้อารมณ์ เป็นหัวหน้าคือใจ อย่างที่คนแก่ที่กล่าวไว้  “ขอให้มีชีวิตอยู่ จะได้เห็นความน่ากลัวของใจ..ในชาตินี้..... ช่างสร้างปัญหาเหลือเกิน เรื่องมีอยู่ว่า  ใจนี้ช่างหาความรัก รักแบบไม่รู้เป็นเรื่องราว  ผ่านทางสายตา อันแสนจะไม่รู้ อิโนอิเน่ ของผู้ชายผู้หลงในความรัก มีตัวละครหลักชื่อนายบิเรนดร์ แต่เพื่อนๆ ล้อเล่นชื่อตามชนกลุ่มน้อยว่า ปาสา ผู้ตลกแบบเงียบๆแต่ใจ มันมักใหญ่ ใฝ่สูง
     เรื่องเกิดขึ้นเดือนกว่าที่ผ่านมา มีผู้หญิงคนหนึ่ง อายุราวยี่สิบห้า เธอชื่อสุนตลี ตามภาษาคนที่เกิดบนภูเขาสูงแถวทิศใต้ของยอดเขาเอวเรสต์ แต่หล่อนนี้ อ้วนก็เลย เพื่อนๆในร้านเรียก เจ้าหล่อนว่า สุนตลี ซึ่ง แปลว่า ส้ม พวกเขาทั้งคู่รู้จักกันมาหลายปีแล้ว พูดจากันเป็นเรื่องเป็นราว สุนตลีชอบตีสนิทกับคนแปลกหน้าได้เร็วและชอบล่อเล่นกับเพื่อนๆได้ดี โดยเฉพาะเพื่อนชาย นิสัยนี้น่าจะมาจากปัญหาทางครอบครัวที่เป็นพ่อ อยากได้ลูกชายเพราะมีความเชื่อว่าลูกชายจะทำให้ชาติตระกูลตนสืบทอดต่อไปแต่ดันลูกสาวด้วยกันถึงสามคน   คุยกับสุนตลี ได้ก็ต่อเมื่อมาที่ร้านกับเพื่อนๆของเขา พูดคุยกันแบบไม่อาย พูดเรื่องอยากมีแฟน ดูเหมือนอยากจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนให้เร็วๆ ราวกับอยากได้ตอนนี้แล สุนตลีกับเพื่อนๆคุยกันแบบนี้หลายครั้งตอนที่ได้โอกาสมาที่ร้าน ทำให้นายปาสาเริ่มมีใจคิด อยากมีสักคนที่ช่วยเหลือเจ้าหล่อน นายปาสา ก็ฟังเป็นประจำบางครั้งก็ล้อเล่นกันไป อยู่ดีๆ... 
        ต่อมา วันหนึ่งปาสาก็หลงรักสุนตลีซะแล้ว รักแบบกินไม่ลงนอนไม่หลับ  ทุกครั้งได้เห็นสุนตลีรู้สึกเหมือนเห็นนางฟ้าจากบนสวรรค์ลงมาเพื่อชายผู้น่าสงสารคนนี้ ชอบไปหมดทุกอย่างของเธอ แม้กระทั่งถุยน้ำลายใส่กันแบบหยอกเล่นกัน มันก็เป็นความรู้สึกของคนที่หลงรัก ที่เห็นทุกอย่างเป็นสีชมพูไปหมด มันเป็นแค่ ความรู้สึกของนายปาสาเท่านั้น ความจริงสุนตลีอ้วนมาก เธอดูเหมือนหมูที่ได้เลี้ยงมาอย่างดีนั้นเอง ความสูงก็เหมือนต้นไม้เตี้ยๆที่โตขึ้นบนยอดเขาสูงๆในแถวบริเวณหิมาลัย หน้าตาก็ดูเหมือนขนมปังโรตี ที่โดนไหม้ตามจุดต่างๆ บนใบหน้าที่มีไฟดำ  มีผู้ชายวัยรุ่นที่อยู่รอบร้านเขามีการล้อเล่นกันเป็นประจำ  ปาสาผู้น่าสงสาร หลงรักสุนตลีนั้นหมดใจซะแล้ว มันหลงแค่ไม่กี่วัน เริ่มสร้างจินตนาการถึงมีลูกเต็มบ้านเต็มเมืองเสียแล้วคราวนี้ ปาสาก็อยากสารภาพต่อความรู้สึกนั้นเต็มทีราวกับผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูก ที่ทนมาถึงเก่าเดือน จะคลอดอยู่แล้ว ความทรมานนั้นแสนเจ็บปวด จะทนไม่ไหวแล้ว  อยากระบายความรู้สึกต่อหล่อนให้ได้ ให้สุนตลีรู้เรื่องนี้เสียที
       ตอนนี้ปาสา เริ่มหาทางไปบอกความรักต่อหล่อน ก่อนบอกรักวันหนึ่งดื่มเหล้าตรงหน้าร้านของปาสา เพื่อให้ผู้หญิงคนนั้น รับรู้ความรู้สึกนั้น ปาสาก็เรียกเพื่อนๆเพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ ทางการเงินในฐานะเป็นเจ้าของร้านที่สร้างจากมือของตน และบริวาณ บารมี เพื่อให้ผู้หญิง รู้ว่าปาสาเก่งกาจแค่ไหน ปาสาก็รอให้สุนตลีมาดูเขา ตอนที่ดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เหล้าก็หมดไปเรื่อยๆ ปาสาคุยกันอย่างเสียงดัง ให้สุนตลีได้ยินเสียงนั้นและรีบมาดูเขา สักพักสุนตลีก็มาและแอบมองกลุ่มนี้กำลังดื่มเหล้า แบบอยากจะคุยด้วยแต่เกรงใจ กลัว อาย และไม่แน่ใจ ปาสาเห็นท่าทางไม่เข้าข้าง  เห็นสุนตลีกำลังจะเข้าห้องตนเอง ก็ไม่สบายใจ ออกจากกลุ่มนั้น เขาไปเมาต่อในร้านเหล้าต่อไป  เพื่อโทรหาสุนตลี แต่ ดันไม่มีเบอร์ เลยทำอะไรไม่ได้ก็กลับมานอนต่อที่ห้อง 
                                                                      👀👀👀👀💣                                ตอนที่ ๑