วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2564

สายตา ๕ เมตร P.3

 สายตา ๕ เมตร

 กลับที่ที่บ้านในเหมืองหลวง ครอบครัวดูเหมือนจะไม่เคยสนใจเขาเลย ใช้ชีวิตคนเดียวมาหลายปี ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ก็เลยไม่รู้จะพูดอะไร คุยอะไร ดูเหมือน ครอบครัว ห่างกันสักพักแล้ว และไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรกัน แบบนี้อยู่นานหลายวัน อยู่บ้านชักจะเบื่อๆเซ็งๆ และไม่รู้จะพูดเรื่องส่วนตัวกับใคร?  ไม่มีงานให้ทำ จนออกไปเที่ยวเป็นประจำ บางทีก็ไม่กลับบ้านเป็นสัปดาห์ๆ เที่ยวเมานอน ตามโรงแรม ต่างเมือง ไม่รู้เพราะอะไรไม่อยากกลับบ้าน จนวันหนึ่ง พ่อแม่ไม่สบายใจพฤติกรรมของปาสา พ่อแม่ก็คิดไปว่าโตแล้วแก้ปัญหาตัวเองได้?ไม่จำเป็นต้องสนใจมากนักกับลูกชายที่เอาแต่ใจ ปาสาก็หมดกำลังใจจากครอบครัว คิดกับตนเองว่า เราโตแล้วต้องดูแลตนเองได้ แต่ภายในใจลึกๆแล้วอยากได้กำลังใจจากครอบครัว เพื่อใช้ชีวิตอันทรโหดแห่งหิมาลัยที่หนาวไปตลอดทั้งปีกับหิมาขาวที่ปกคลุมไปสิ้นสายตา  ตอนนี้กำลังใจจากครอบครัวก็ไม่มี จึงตามหากำลังใจจากความรัก 

                         หวังว่ากำลังใจจากความรักนั้นช่วยให้ เราพ้นจากความหนาว ความสูง  ความไม่แน่นอนทางธุรกิจ และความกดดันทางสังคม ความดิ้นรนทางธุรกิจ จึงทำให้หากำลังใจอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ปาสาชอบฟังคำสั่งสอนของนักปราชญ์จากศาสนาต่างๆ และ นักธุรกิจ เพื่อประสบความสำเร็จทางธุรกิจและครอบครัว แต่ส่วนใหญ่เชื่อตามหลักทางพระพุทธศาสนา ตามที่ครอบครัวนับถือกันมานาน จึงชอบคำสุภาษิตหนึ่ง “ตนแลเป็นที่พึ่งตน”  ใช้ชีวิตแบบนี้มาหลายปี บนพื้นฐานแห่งทฤษฎีนี้ แต่หลังจากหลงรักสุนตลีแล้ว  ทฤษฎีนี้ก็ลืมไปซะแล้ว 

                        ปาสานั้นคิดอีก แค่เรื่องความอยากมีแฟนหรือป่าว  เพื่อเข้าใจ ดูแล ตนเองหรือเปล่า?  หรือ ขาดความรักความเอาใจใส่จากครอบครัวหรือเปล่า? มีแค่สองข้อนี้ ทำให้ปาสาหลงรักเธอหรือเปล่า คิดอยู่สักพัก มีคนเข้ามาในร้านและเริ่มพูด “เติมเงินในโทรศัพท์ให้หน่อย” ปาสาก็ ถามว่าเอาเท่าไรพี่  ลูกค้าก็พูดไป “เติมให้ห้าร้อยละกัน ปาสาก็เริ่มกดเบอร์โทรศัพท์ ตอนนั้นมือสั่น พูดจาขัดๆ เหมือนไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน แต่งานต้องมาก่อน  ปาสาก็ดูเบอร์หลายรอบเพื่อไม่ให้เกิดผิดพลาด จนเติมเงินเสร็จ ลูกค้าก็จ่ายเงิน ห้าร้อยรูปี และเดินออกไป ปาสาจับเงินห้าร้อยแลเดินไปปิดประตู้ร้านอีกครั้ง และเดินมานั่งเก้าอี้ที่เดิม คิดอีกครั้งว่า ผมหลงรักสุนตลีนั้น เพราะเงินตราหรือเปล่า?  จึงนึกได้ สามสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ผู้ชาย คนที่ติดร้านเดียวกับสุนตลี ได้คุยกับเจ้าของร้านที่ติดร้านกับเขา เขาบอกว่าจะไม่ให้ปาสาขายเสือผ้าแบบเดียวกับเขา เรื่องนี้ทำให้ ปาสาเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจ ปาสาไม่ชอบเลย แต่ไม่พูดอะไรตรงๆ แต่คิดในใจว่า จะพยายามรวบร้าน ของเขาให้ร่วมร้านกับร้านของปาสาให้ได้ ถ้าจะทำแบบนั้นได้ ก็ต้องมีเงินจำนวนมากเพื่อซื้อร้านของเขา ไม่อย่างนั้น ต้องกดดันเขาโดยร่วมกับเพื่อนๆรอบตัว ซึ่งเขาก็ทำแบบนั้น กับปาสาหลายๆครั้งมาแล้ว ผมก็กดดันแบบนี้กับเขา ช่วงที่ผมได้โอกาส มันเป็นธุรกิจที่ต่างคนต่างพยายามเพื่อเอาชนะคู่แข่งของตนให้ได้ทุกทาง มันก็อาจจะมีส่วนในการหลงรักผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?

               ถ้าได้สุนตลีมาเป็นแฟน มันจะง่ายต่อการแข่งขันกับเขาได้อย่างสบายๆ เพราะร้านของเขาติดกับร้านของสุนตลีพอดี ปาสาจึงสรุปได้เป็นข้อๆว่า รักสุนตลีนั้นเพราะอยากมีใครสักคนหนึ่งที่เข้าใจ ดูแล และเอาใจใส่ต่อเขา ขาดกำลังใจจากครอบครัว จึงหาที่พึ่งทางใจกับคนที่รัก คือจำมาจากเพื่อนที่ชื่อสุแน่นา และข้อสุดท้ายหาพันธมิตรทางการธุรกิจ เพื่อเอาชนะคู่แข่งของตน สองข้อนี้ ถ้าทำได้ ก็ได้แฟนเป็นสุนตลี

           โอ้ พระเจ้านี้ ผมทำอะไรลงไป ความคิดที่เลวสิ้นดี ช่าง อับอายที่ศึกษาเล่าเรียนมา ใจของปาสาแอบๆพยายามเพื่อหาความสุขทางกามอารมณ์ เงินตรา และหาที่พึ่งพอใจทางใจ ซึ่งปาสานั้นก็ไม่เคยนึกคิดเลยว่า “ใจจะแอบเล่นงานขนาดนี้  ตอนนี้ ปาสารู้แล้ว ทำไมต้องรักตอนนี้ ทำไมต้องเธอด้วย และ ทำไมต้องเวลานี้ ปาสาเริ่มเห็นความหายนาทางใจ ที่ทำให้เกิดบาปทางใจ ทำให้ตนเองเดือดร้อน ความปกติทางใจก็หายไป ทำให้เจอกับความทุกข์ทรมานอยู่ไม่เป็นสุข เห็นทางการไม่สำรวม กาย วาจา ใจ ที่ทำให้ปาสาหลงรัก หลงโกรธ และหลงการถือตัวตน ตามที่ท่านพระพุทธเจ้าพูดไว้ ตอนนี้ ปาสาก็มีสติกลับมาแล้ว เห็นความสุขก่อนรัก ตอนนี้เปรียบเทียบดูความคิดตนเอง และสร้างกำลังใจในการลมหายใจของตนเอง ตั้งสติลงในร่างกายตนเอง และใช้ชีวิตราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี้คือสภาพแห่งปัจจุบัน แม้ภาพลวงรักของสุนตลีเกิดขึ้นในใจอยู่บาง แต่อีกใจก็มีกำลังใจมากพอที่จะทับมัน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป ฯ  

 

......ผู้ว่างเปล่า

🙏🙏🙏💛💛💛🙏🙏🙏🙏


ไม่มีความคิดเห็น: